7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีโอกาสเสี่ยงที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ในอนาคตอันใกล้นี้
ปัจจุบันโลกของเรานั้น มีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด ภาวะโลกร้อน แม้กระทั่ง ภูเขาน้ำแข็งใน กรีนแลนด์ อาร์กติก และ แอนตาร์กติกา เกิดการละลายตัวอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระดับน้ำในทะเลนั้นสูงขึ้นทั่วโลก นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่ๆ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีผลกระทบต่อชุมชนชายฝั่งทะเลเท่านั้น แต่! มันอาจจะทำให้ สิ่งล้ำค่าทางมรดกโลก อีกหลายแห่ง ต้องจมอยู่ใต้น้ำด้วย จากเอกสารวิจัยสิ่งแวดล้อมของยูเนสโก เมื่อปี 2014 ได้เปิดเผยว่า หากอุณหภูมิของโลก สูงถึง 3.6 องศาฟาเรนไฮต์ นั่นคือสิ่งที่เกินขีดจำกัด ของการเกิดภาวะโลกร้อน และ จะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายลง จะทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ และ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีโอกาสเสี่ยงที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ภายในปี 2100 นี้ แน่ๆ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ว่านี้อยู่ที่ไหนบ้าง วันนี้ @Bloggonsite แห่งนี้ มีคำตอบครับ
1. The Statue of Liberty – รูปปั้นเทพีเสรีภาพ

รูปปั้นเทพีเสรีภาพนั้น ตั้งตระหง่านอยู่ในท่าเรือนิวยอร์ก มาเป็นเวลาถึง 130 ปีแล้ว นี่ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งในแต่ละปีนั้น น้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ และ ความสูงของรูปปั้นเพียง 151 ฟุต อาจจะทำให้ความสูงของรูปปั้นนั้นลดลง ถ้าหากว่าระดับน้ำทะเล สูงเพิ่มขึ้นปีละ 3 ฟุต
2. The Moai of Easter Island – โมอายของเกาะอีสเตอร์ ประเทศ ชิลี

Moai-โมอาย อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นมรดกโลก เป็นหินรูปปั้นที่มีรูปร่างคล้ายคน โดยรูปปั้นนี้จะมีส่วนศีรษะที่ใหญ่ชัดเจน โมอายที่พบบนเกาะนี้มีมากกว่า 600 ตัว และกระจัดกระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ ภายในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี รูปปั้นโมอายเหล่านี้ถูกสร้างโดยพวกโพลิเนเชียน (Polynesian) ที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มานานกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ทั้งนี้ ที่เชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนสร้างโมอายนี้ขึ้นเพื่อ ก็น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือเป็นบุคคลผู้มีความสำคัญ ณ ยุคสมัยนั้น จากการสำรวจพบว่า โมอาย มีโอกาสที่จะเสี่ยงจมอยู่ใต้น้ำทะเลมาก เพราะว่า อยู่ใกล้ชายฝั่ง และ เกาะแห่งนี้เป็นเพียงเกาะเล็กๆเท่านั้นเอง
3. Sun Temple, Konark, India วิหารสุริยเทพ Sun Temple หรือ วัดโกนาร์ค ประเทศอินเดีย

Sun Temple หรือ วิหารสุริยเทพนี้ เป็นวัดเก่าแก่ อายุกว่า 800 ปี ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก ของประเทศอินเดีย องค์การยูเนสโก ได้เรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ว่าเป็น “ผลงานชิ้นเอกของอัจฉริยะสร้างสรรค์” ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือจำนวนถึง 1,200 คน เป็นเวลาถึง 12 ปี อย่างไรก็ตาม ผลงานชิ้นเอกนี้ ตั้งอยู่เพียง 7 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ถ้าหากว่ามีน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆพังทลายขึ่นมาก็จะทำให้วัดแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำได้เลย
4. Sydney Opera House – โรงอุปรากรซิดนีย์

Sydney Opera House – โรงอุปรากรซิดนีย์ หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์ อีกแห่งหนึ่งในยุคปัจจุบัน คือ โรงอุปรากรซิดนีย์ หรือ ซิดนีย์โอเปราเฮาส์ เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เสี่ยงต่อการจมน้ำเป็นอย่างมาก เพราะ อยู่เหนือระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 11 ฟุตเท่านั้น ตัวอาคารอาจจะเสื่อมสลาย และ เสี่ยงต่อการจมน้ำจากการกลัดกร่อนของเกลือจากน้ำทะเลนั่นเอง
5. The Ruins of Leptis Magna – เลปติส เมกกา

เมืองเลปติส เมกนา ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงทริโปลี ประเทศลิเบีย ซึ่งอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียง และ งดงามมากที่สุดในแอฟริกา สร้างด้วยหินปูน จึงมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะ และ บริเวณ อ่าวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น น้ำทะเลสูงขึ้นในทุกๆปี ซึ่งอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะจมหายไปในที่สุด
6. Elephanta Caves – ถ้ำเอเลแฟนต้า

Elephanta Caves – ถ้ำเอเลแฟนต้า ของประเทศอินเดีย เป็นนครแห่งถ้ำ มีอายุมากกว่า 1,500 ปี ตั้งอยู่บนเกาะในทะเลโอมาน ติดกับบอมเบย์ ประกอบด้วยศิลปะหิน เชื่อมโยงกับการบูชาศิวะ ศิลปะอินเดียที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดในถ้ำ องค์การยูเนสโก ได้รับรองให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1987 เนื่องจากถ้ำนี้ อยู่ในสถานที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แล้ว ยังมีอายุที่เก่าแก่มาก ทำให้เกิดการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา และ ยังมีโอกาสสูงที่จะจมอยู่เป็นเมืองใต้บาดาลก็ได้
7. Mont-Saint-Michel – มงแซ็งมีแชล

Mont-Saint-Michel – มงแซ็งมีแชล คือ วิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัด ม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดี ของประเทศฝรั่งเศส ได้รับประกาศ จากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ในยามน้ำลง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่วิหารแห่งนี้ได้ แต่! ในช่วงที่น้ำขึ้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปที่นี่ได้เลย สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองบาดาลอยู่เสมอ เพราะฉนั้น อาจจะเป็นสถานที่อีกหนึ่งที่เสี่ยงต่อการจมอยู่ใต้น้ำค่อนข้างสูง
Source : EliteReaders
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ตามคำทำนายของยูเนสโกแล้วล่ะก็ คงเป็นที่น่าเสียดายจริงๆ กับ สถานที่สำคัญๆ ซึ่งถือเป็นมรดกโลก เพราะสถานที่แต่ละแห่งนั้น มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน หลังจากปี 2100 ไป ลูกหลานของเราก็คงจะได้เห็นแต่เพียงภาพเท่านั้น ถ้าไม่อยากเห็นภาพสถานที่สำคัญเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ ภาพในประวัติศาสตร์แล้วล่ะก็ “หยุด! พฤติกรรม ที่เป็นตัวการ ทำให้โลกเราร้อนขึ้น ลงเสียที”คงมีแต่ มนุษย์ อย่างเราๆเท่านั้น ที่สามารถทำได้ ร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่วันนี้เถิดนะครับ ก่อนที่มันจะสายเกินไป